ก้าวข้ามวิกฤตด้วยแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง




ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้า ความผันผวนของราคาน้ำมัน หรือการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ประเทศไทยเองก็ได้รับผลกระทบไม่น้อยเช่นกัน หลายธุรกิจต้องปิดตัวลง ประชาชนจำนวนมากตกงาน รายได้ลดลง ค่าครองชีพกลับสูงขึ้น

วิกฤตครั้งนี้เป็นบททดสอบสำคัญต่อความพร้อมของประเทศ และความเข้มแข็งของประชาชน หากเราสามารถก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปได้ ก็จะถือเป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้เราเติบโตและพัฒนาขึ้นได้ในอนาคต

แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า "เศรษฐกิจพอเพียง" เป็นแนวทางที่สามารถช่วยให้เราพัฒนาเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืน และช่วยให้ประชาชนมีความสุขและมั่นคงในชีวิต

เศรษฐกิจพอเพียงมีหลักสำคัญอยู่ 3 ประการ ได้แก่

  • ความพอประมาณ หมายถึงการผลิตและบริโภคในระดับที่พอเหมาะกับความจำเป็น ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป
  • ความมีเหตุผล หมายถึงการพิจารณาอย่างรอบคอบถึงความต้องการที่แท้จริงของตนเองและสังคม เพื่อวางแผนการผลิตและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
  • การมีภูมิคุ้มกัน หมายถึงการเตรียมความพร้อมรับมือกับความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยการมีเงินออม การมีอาชีพที่มั่นคง และการมีความรู้และทักษะที่หลากหลาย

การนำแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิต จะช่วยให้เราพัฒนาเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืน เพราะเป็นการพัฒนาที่คำนึงถึงทั้งปัจจุบันและอนาคต รวมถึงการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมด้วย ไม่ใช่เพียงแต่การแสวงหาผลกำไรสูงสุดเพียงอย่างเดียว

นอกจากนี้ เศรษฐกิจพอเพียงยังช่วยให้ประชาชนมีความสุขและมั่นคงในชีวิต เพราะเป็นแนวทางที่เน้นการพึ่งพาตนเอง การมีชีวิตที่เรียบง่าย การพึ่งพาธรรมชาติ และการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่

วิกฤตในครั้งนี้เป็นโอกาสให้เราได้ทบทวนวิถีชีวิตของเรา และกลับมาพิจารณาถึงแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงอีกครั้ง ว่าจะเป็นแนวทางที่จะช่วยให้เราผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้และนำพาประเทศไทยไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองได้อย่างไร

หากเราทุกคนร่วมมือร่วมใจกันนำแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิต เราจะสามารถก้าวข้ามวิกฤตนี้ไปได้อย่างแน่นอน และประเทศไทยของเราจะก้าวไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองที่ยั่งยืนได้อย่างแน่นอน