เรื่องราวของ "ครูเบญ" หรือ ครูเบญญาภา เย็นอุดม สาวน้อยวัย 24 ปี ผู้ซึ่งสอบติดอันดับ 1 ในการสอบบรรจุครูผู้สอน สังกัดสำนักงานการศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) สระแก้ว แต่ทว่าฝันที่กำลังจะกลายเป็นจริงกลับกลายเป็นฝันร้าย เมื่อชื่อของเธอหายไปจากประกาศสอบในเวลาไม่กี่วัน
ครูเบญเล่าให้ฟังว่า เธอได้ทุ่มเทเตรียมตัวมาอย่างหนักเพื่อสอบบรรจุครั้งนี้ ด้วยความมุ่งมั่นและความตั้งใจที่จะเป็นครูผู้สอน เธอใช้เวลาหลายเดือนในการอ่านหนังสือและฝึกฝนทำข้อสอบ จนในที่สุดความฝันของเธอก็เป็นจริง เมื่อเธอสอบติดอันดับ 1 ในการสอบ
แต่ความสุขที่ได้รับนั้นกลับอยู่ได้ไม่นาน เมื่อสามวันหลังจากที่ประกาศผลสอบ ชื่อของเธอกลับหายไปจากประกาศ ครูเบญตกใจและไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เธอจึงได้ติดต่อไปยัง สพม.สระแก้ว เพื่อสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น แต่คำตอบที่ได้รับกลับทำให้เธอต้องรู้สึกสิ้นหวัง
สพม.สระแก้ว แจ้งกับครูเบญว่า เธอสอบไม่ผ่านการสอบบรรจุ เนื่องจากคะแนนไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด ทั้งในภาค ก. และภาค ข. ครูเบญรู้สึกช็อกและยืนกรานว่าเธอไม่เชื่อคำตอบดังกล่าว เธอจึงได้โพสต์เรื่องราวของเธอลงบนโซเชียลมีเดียเพื่อขอความเป็นธรรม
เรื่องราวของครูเบญกลายเป็นไวรัลในชั่วข้ามคืน สังคมออนไลน์ต่างก็ตั้งคำถามถึงความโปร่งใสและความยุติธรรมในการสอบบรรจุครูครั้งนี้ ทาง กพฐ. จึงได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงขึ้นเพื่อตรวจสอบเรื่องดังกล่าว
ในระหว่างที่รอผลการสอบสวน ครูเบญก็ได้กลับไปตรวจสอบข้อสอบของตัวเองเพื่อหาข้อผิดพลาด แต่เธอกลับพบว่าคำตอบของเธอถูกต้องทั้งหมด เธอจึงยิ่งมั่นใจว่าเธอถูกกลั่นแกล้งและมีการทุจริตเกิดขึ้นในกระบวนการสอบ
คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงได้ใช้เวลาหลายวันในการตรวจสอบข้อมูลและหลักฐานต่างๆ ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปว่า ครูเบญสอบไม่ผ่านการสอบบรรจุจริง เนื่องจากคะแนนของเธอไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด
ผลการสอบสวนที่ออกมาทำให้ความฝันของครูเบญต้องดับลง เธอทั้งผิดหวัง เสียใจ และรู้สึกโกรธในเวลาเดียวกัน ครูเบญยืนยันว่าเธอจะต่อสู้เพื่อความยุติธรรมต่อไป เธอจะไม่ยอมแพ้จนกว่าความจริงจะปรากฏ
เรื่องราวของครูเบญเป็นอุทาหรณ์สำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาความโปร่งใสและความยุติธรรมในระบบการสอบบรรจุราชการไทย ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องจริงจังกับการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับสังคมไทย