คะแนน TGAT หรือ "Test of General Academic Ability and Achievement" เป็นการทดสอบทางการศึกษาที่ใช้ในการประเมินความสามารถทั่วไปในการเรียนรู้ของนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบการสอบกลางภาคของกระทรวงศึกษาธิการ (Ministry of Education) ในประเทศไทย
การทดสอบคะแนน TGAT นั้นจะประกอบด้วยสองส่วนหลัก คือ:
ส่วนที่ 1 ของคะแนน TGAT จะวัดความสามารถทางวิชาการทั่วไปของนักเรียน โดยจะประกอบไปด้วยด้านต่าง ๆ เช่น ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสังคมศึกษา เป็นต้น นักเรียนจะต้องทำแบบทดสอบในแต่ละวิชาภายในเวลาที่กำหนด โดยใช้เวลาตอบคำถามในแต่ละวิชาได้ไม่เกิน 60 นาทีต่อวิชา
ส่วนที่ 2 ของคะแนน TGAT จะวัดความสามารถทางวิชาชีพของนักเรียน โดยจะประกอบไปด้วยวิชาที่เกี่ยวข้องกับสาขาวิชาที่นักเรียนเลือกเรียน เช่น คอมพิวเตอร์ ภาษาต่างประเทศ ฯลฯ นักเรียนจะต้องทำแบบทดสอบในวิชาที่เลือกศึกษาภายในเวลาที่กำหนด โดยใช้เวลาตอบคำถามได้ไม่เกิน 90 นาทีต่อวิชา
การคำนวณคะแนน TGAT จะใช้วิธีการคิดคะแนนโดยอาศัยการแปลงคะแนนจากทั้งสองส่วน และจัดอันดับเป็นกลุ่มเพื่อให้ได้คะแนนรวมที่แท้จริงของนักเรียน
คะแนน TGAT จะมีความสำคัญสำหรับนักเรียนที่ต้องการเข้าศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยหลังจากสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยหลายสถาบันการศึกษาจะนำคะแนน TGAT เข้ามาพิจารณาในการรับสมัครนักเรียน เพื่อให้สามารถคัดเลือกผู้สมัครที่มีความสามารถทางการศึกษาที่ดีที่สุดได้
ในสมัยก่อน การทดสอบคะแนน TGAT เป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องผ่านเพื่อที่จะเข้าศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย แต่ในปัจจุบัน การใช้คะแนน TGAT ในการรับสมัครเข้ามหาวิทยาลัยมีแนวโน้มที่ลดลง เนื่องจากมีการใช้ระบบการรับสมัครอื่น ๆ เช่น การสอบวิชาสามัญการประกอบวิชาชีพ (Ordinary National Educational Test) และระบบการคัดเลือกผู้สมัครโดยใช้คะแนน GAT/PAT (General Aptitude Test/Professional and Academic Aptitude Test) แทน
ในสรุป คะแนน TGAT เป็นการทดสอบที่มีความสำคัญสำหรับนักเรียนที่ต้องการเข้าศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย โดยแต่ละส่วนของการทดสอบจะทดสอบความสามารถทางวิชาการทั่วไปและความสามารถทางวิชาชีพของนักเรียน นอกจากนี้ คะแนน TGAT ยังเป็นตัวชี้วัดที่สถาบันการศึกษานำมาพิจารณาในการรับสมัครนักเรียนอีกด้วย