นับตั้งแต่กระแสโซเชียลมีเดียเริ่มได้รับความนิยม กระแสการแสดงความคิดเห็นในเรื่องการเมืองก็ขยายวงกว้างมากขึ้น ผู้คนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ง่ายดายและรวดเร็วกว่าแต่ก่อน อีกทั้งยังสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรี
ในห้วงเวลาที่การเมืองไทยเต็มไปด้วยความขัดแย้งและการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้เข้ามาเป็นตัวละครหลักในวงการเมืองไทย จากการที่เขาเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รวมถึงเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ทำให้ชัชชาติเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเมืองมาโดยตลอด
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อชัชชาติตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในปี พ.ศ. 2565 โดยไม่สังกัดพรรคการเมือง เนื่องจากมองว่าการเมืองไทยมีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายมากเกินไป และการไม่สังกัดพรรคการเมืองจะช่วยลดความขัดแย้งทางการเมืองลงได้
แม้ว่าชัชชาติจะไม่สังกัดพรรคการเมือง แต่เขาก็ได้รับความนิยมอย่างมากจากประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ด้วยแนวคิด "ลมหายใจใหม่" ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงกรุงเทพมหานครให้เป็นเมืองที่น่าอยู่มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาการจราจรที่ติดขัดมาอย่างยาวนาน
ตลอดช่วงเวลาที่หาเสียง ชัชชาติใช้เวลาส่วนใหญ่ในการลงพื้นที่พบปะกับชาวบ้าน และรับฟังปัญหาต่างๆ เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการทำงาน หากได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ กทม. วิธีการหาเสียงแบบนี้สร้างความประทับใจให้กับประชาชนและทำให้ชัชชาติได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น
ในวันเลือกตั้ง ชัชชาติได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนอย่างท่วมท้น โดยชนะผู้สมัครจากพรรคการเมืองใหญ่ เช่น พรรคเพื่อไทย และพรรคพลังประชารัฐอย่างถล่มทลาย ชัยชนะครั้งนี้ถือเป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการเมืองไทย เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ผู้สมัครที่ไม่สังกัดพรรคการเมืองได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ กทม.
นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ชัชชาติก็ทำงานอย่างหนักเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ของเมือง สิ่งที่ชัชชาติให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกคือการแก้ไขปัญหาการจราจร ซึ่งเขามีแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจน เช่น การปรับปรุงระบบขนส่งสาธารณะ การเพิ่มเส้นทางเดินรถเมล์ และการสร้างทางเท้าให้มีความสะดวกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ชัชชาติยังให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยมีนโยบายในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเมือง การลดมลพิษทางอากาศ และการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด นอกจากนี้ ชัชชาติยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและการสาธารณสุขในกรุงเทพมหานครอีกด้วย
การทำงานของชัชชาติได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากจากประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ เนื่องจากชัชชาติทำงานอย่างจริงจังและเปิดรับความคิดเห็นจากทุกฝ่าย ชัชชาติยังเป็นนักการเมืองที่เข้าถึงได้ง่าย ไม่ถือตัว และพร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทุกคน
ปรากฏการณ์ชัชชาติสะท้อนให้เห็นว่าการเมืองไทยกำลังเปลี่ยนแปลงไป ประชาชนเริ่มเบื่อหน่ายกับการเมืองแบบเดิมๆ ที่เน้นการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ประชาชนต้องการเห็นนักการเมืองที่ทำงานอย่างจริงจัง และพร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นของประชาชน
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็นตัวอย่างของนักการเมืองรุ่นใหม่ที่สามารถสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการเมืองไทยได้ เขาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการเมืองที่ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายและเน้นการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังสามารถได้รับการยอมรับจากประชาชนได้
การทำงานของชัชชาติเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับนักการเมืองทุกคนที่ต้องการได้รับความไว้วางใจจากประชาชน นักการเมืองต้องไม่ลืมว่าตนเองเป็นผู้แทนของประชาชน และต้องทำงานเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ