ชูวิทย์กมลวิศิษฎ์ : ขุมทรัพย์มหาศาลในวงการสีเทา




ภาพโดย : Shutterstock
คุณอาจเคยได้ยินชื่อนี้ผ่านหูผ่านตามาบ้าง "ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" อดีตนักการเมืองชื่อดังผู้ที่ออกมาเปิดโปงแฉวงการธุรกิจสีเทาต่างๆ มากมาย แต่คุณรู้หรือไม่ว่าเบื้องหลังขุมทรัพย์มหาศาลของเขานั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร
เล่าเรื่องด้วยภาพ
จินตนาการถึงอาณาจักรแห่งแสงสีที่ครึกครื้นผู้คนมากหน้าหลายตาสัญจรไปมาบ้างท่องเที่ยว บ้างหาความบันเทิง บ้างเข้ามาหลบภัย บางคนมาเพื่อหาโอกาสทอง บางคนมาเพื่อเสี่ยงโชค บางคนมาเพื่อตามล่าความฝัน ทว่าเบื้องหลังของโลกแห่งภาพมายานั้นกลับซ่อนความลับดำมืดเอาไว้
นั่นคืออาณาจักรแห่งธุรกิจสีเทาสุดอื้อฉาว ซึ่ง ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองคนดังได้พาเราเข้าไปเปิดโปงเบื้องลึกเบื้องหลังอันแสนหอมหวานปนขมขื่นของโลกธุรกิจที่ผิดกฎหมายแต่กลับร่ำรวยมหาศาลแห่งนี้
เรื่องราวของชายผู้กล้าท้าทายอิทธิพลมืด
ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เกิดเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2496 นามเดิม "ชูวิทย์ อุปละ" เป็นบุตรของนายเยี่ยม อุปละ และนางนิตย์ อุปละ เดิมทีเขาประกอบอาชีพค้าขายของเก่าอยู่ที่ย่านสำเพ็ง ก่อนที่จะผันตัวเข้าสู่แวดวงการเมืองโดยลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในจังหวัดนครราชสีมาในปี 2535 และได้รับการเลือกตั้งสำเร็จ
หลังจากนั้น ชูวิทย์ได้ก่อตั้งพรรคการเมืองชื่อ "พรรคมหาชน" โดยดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคในปี 2540 ต่อมาในปี 2548 ชูวิทย์ได้ตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และได้รับการเลือกตั้งสำเร็จ แม้ว่าเขาจะดำรงตำแหน่งเพียงแค่ 9 เดือนก็ตาม เนื่องจากถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี จากความผิดในคดีใช้เอกสารปลอมในการสมัครเลือกตั้ง
หลุมพรางซ่อนเงื่อน และเส้นทางแห่งการไถ่บาป
การเข้ามาสู่อาณาจักรธุรกิจสีเทานั้นเริ่มต้นขึ้นเมื่อชูวิทย์ได้เข้าไปพัวพันกับคดีการฉ้อโกงเงินของบริษัท ซุปเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด มหาชน ซึ่งขณะนั้นเขาดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการอยู่ ชูวิทย์ถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 3 ปี 6 เดือน แต่ได้รับการปล่อยตัวหลังจากจำคุกได้เพียง 1 ปี 9 เดือน เนื่องจากได้รับพระราชทานอภัยโทษ จากจุดๆ นั้นเองที่ชีวิตของชูวิทย์ได้เปลี่ยนไปตลอดกาล
ระหว่างที่ต้องโทษจำคุกอยู่ที่เรือนจำคลองเปรมนั้น ชูวิทย์ได้สำนึกผิดในสิ่งที่ตนได้กระทำไป จึงตั้งใจไว้ว่าหากได้รับการปล่อยตัวเมื่อไร เขาจะต้องใช้ชีวิตเพื่อไถ่บาปและช่วยเหลือสังคมโดยการเปิดโปงธุรกิจผิดกฎหมายต่างๆ ที่แฝงตัวอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้
ขุมทรัพย์อันมหาศาลจากธุรกิจสีเทา
หลังจากได้รับการปล่อยตัว ชูวิทย์ได้เริ่มต้นการเปิดโปงธุรกิจสีเทาต่างๆ อย่างจริงจัง เขาออกมาแฉเส้นทางการฟอกเงิน เครือข่ายการพนัน การค้าประเวณี และธุรกิจผิดกฎหมายอื่นๆ อีกมากมาย โดยผู้ที่ถูกชูวิทย์เปิดโปงนั้นล้วนแต่เป็นผู้มีอิทธิพลและมีชื่อเสียงในสังคมทั้งสิ้น
การเปิดโปงเหล่านี้ได้สร้างความฮือฮาและความหวาดกลัวให้แก่คนในแวดวงธุรกิจสีเทาเป็นอย่างมาก และแน่นอนว่ามันก็สร้างความไม่พอใจให้แก่ผู้ที่ถูกเปิดโปงด้วยเช่นกัน ชูวิทย์ถูกข่มขู่ ถูกคุกคาม แต่เขาก็ไม่เคยย่อท้อหรือหวาดกลัวต่ออุปสรรคใดๆ
วิถีแห่งนักสู้อันโดดเดี่ยว
เส้นทางของชูวิทย์ไม่ใช่เส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่เต็มไปด้วยขวากหนามมากมาย แต่เขาก็ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ มาได้ด้วยความมุ่งมั่นและความมุ่งมั่นในสิ่งที่ถูกต้อง ความกล้าหาญของชูวิทย์เป็นแรงบันดาลใจให้กับหลายๆ คน เขาพิสูจน์ให้เห็นว่าบุคคลธรรมดาๆ คนหนึ่งก็สามารถต่อสู้กับอิทธิพลมืดที่ยิ่งใหญ่ได้
บทเรียนอันล้ำค่า
จากเรื่องราวของชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เราได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือ ไม่มีใครที่จะอยู่เหนือกฎหมาย ไม่ว่าผู้นั้นจะมีอำนาจหรืออิทธิพลมากแค่ไหน หากทำผิดกฎหมายก็ต้องถูกลงโทษ ตัวอย่างอีกประการหนึ่งคือ ความซื่อสัตย์มีค่ามากกว่าเงินทอง แม้ว่าบางครั้งการทำในสิ่งที่ถูกต้องอาจจะต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงหรือความสูญเสีย แต่ในท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่เราได้กลับคืนมานั้นก็คุ้มค่ามากกว่าเสมอ
ปัจฉิมลิขิต
ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เป็นบุคคลที่มีทั้งผู้ชื่นชมและผู้ที่ชิงชัง แต่ไม่ว่าใครจะมองเขาอย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเขาเป็นวีรบุรุษผู้กล้าหาญที่ได้ต่อสู้กับอิทธิพลมืดที่ฝังรากลึกอยู่ในสังคมไทย เรื่องราวของเขาเป็นแรงบันดาลใจให้กับเราทุกคน หากเรามีความกล้าหาญและความตั้งใจจริง ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นไปได้