การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2016 รอบชิงชนะเลิศ ที่สนาม สตาด เดอ ฟรองซ์ เมืองแซ็ง เดอนี ประเทศฝรั่งเศส เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา
ระหว่างทีมชาติโปรตุเกส พบกับ ทีมชาติฝรั่งเศส ท่ามกลางแฟนบอลกว่า 80,000 คนที่เข้ามาชมในสนาม
ผลปรากฏว่า ทีมชาติโปรตุเกส เอาชนะไปได้แบบสุดมันส์ 1-0 โดยประตูชัยมาจาก เอแดร์ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้ายของเกม
ทำให้โปรตุเกสได้แชมป์ฟุตบอลรายการนี้เป็นสมัยแรกในประวัติศาสตร์
การแข่งขันในนัดชิงชนะเลิศครั้งนี้ ทั้ง 2 ทีมสู้กันได้อย่างสนุกสูสี ต่างฝ่ายต่างมีโอกาสทำประตู แต่สุดท้ายแล้วเป็นโปรตุเกสที่ฉวยโอกาสได้ดีกว่า
โดยเฉพาะในช่วงท้ายเกมที่ ฝรั่งเศส พยายามเปิดเกมรุกอย่างหนัก แต่สุดท้ายกลับเป็น โปรตุเกส ที่ฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของแนวรับฝรั่งเศส
และได้ประตูชัยจาก เอเดอร์ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้ายของเกม
หลังจากจบเกมการแข่งขัน เหล่าผู้เล่นทีมชาติโปรตุเกสต่างแสดงความดีใจอย่างสุดเหวี่ยง เพราะเป็นแชมป์ฟุตบอลรายการใหญ่ครั้งแรกในประวัติศาสตร์
ขณะที่ฝรั่งเศสต้องผิดหวังทั้งๆที่ได้เล่นในบ้านตัวเอง
การคว้าแชมป์ฟุตบอลยูโร 2016 ครั้งนี้ นับเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของทีมชาติโปรตุเกส เพราะไม่เคยได้แชมป์ฟุตบอลรายการใหญ่มาก่อน
และยังเป็นการปลดล็อกให้กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กัปตันทีมชาติโปรตุเกส ที่สามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลรายการใหญ่กับทีมชาติได้สำเร็จ
หลังจากที่พลาดแชมป์ฟุตบอลยูโร 2004 และแชมป์ฟุตบอลโลก 2006