นางชม้อยทิพย์โส




อย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าคดีแชร์แม่ชม้อยนั้นเป็นคดีแชร์ลูกโซ่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยนางชม้อยทิพย์โสได้ตั้งบริษัทหลอกลวงคนไทยไปกว่า 16,000 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 1,100 ล้านบาท
ในปี 2525 ชม้อย ทิพย์โส อดีตพนักงานองค์การเชื้อเพลิงที่ผันตัวเองมาเป็นนักธุรกิจหญิง ผู้มีบุคลิกพูดจาไพเราะ เชื่อมั่นในตัวเองสูง และมักจะทำตัวว่าใกล้ชิดกับคนใหญ่คนโตในบ้านเมือง จนทำให้คนจำนวนมากหลงเชื่อ ได้เริ่มก่อตั้งบริษัทของตนเอง ชื่อว่า บริษัท ชม้อยโชคดีมหามิตร จำกัด ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบธุรกิจค้าน้ำมันทั้งในและต่างประเทศ โดยเปิดให้คนทั่วไปลงทุนซื้อหุ้นของบริษัท เพื่อเป็นเจ้าของน้ำมัน 1 คันรถในราคา 160,000 บาท พร้อมการันตีผลตอบแทน 6.5% ต่อเดือน โดยจ่ายเป็นรายเดือน
ด้วยโฆษณาชวนเชื่อที่น่าสนใจ ทำให้มีผู้คนหลั่งไหลมาลงทุนในบริษัทของชม้อยอย่างคับคั่ง โดยเฉพาะกลุ่มข้าราชการและทหารชั้นผู้น้อยที่ต่างก็หลงเชื่อในคำโฆษณาชวนเชื่อของชม้อย และหวังที่จะได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงินในธนาคารปกติ จนกระทั่งในปี 2526 เริ่มมีข่าวลือแพร่สะพัดว่าบริษัทของชม้อยไม่มีน้ำมันจริง แต่เป็นการระดมทุนจากผู้ลงทุนรายใหม่มาจ่ายให้กับผู้ลงทุนรายเก่า ซึ่งเป็นลักษณะของแชร์ลูกโซ่
ข่าวลือดังกล่าวทำให้ผู้ลงทุนจำนวนมากเริ่มแห่มาถอนเงินคืน จนในที่สุดบริษัทของชม้อยก็ล้มละลายและปิดตัวลงอย่างรวดเร็ว โดยมีผู้เสียหายจากการลงทุนในบริษัทของชม้อยกว่า 16,000 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 1,100 ล้านบาท
หลังจากที่บริษัทของชม้อยล้มละลาย ชม้อยก็ได้หลบหนีไปยังต่างประเทศ ก่อนที่จะถูกจับกุมตัวได้ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และถูกส่งตัวกลับมายังประเทศไทยเพื่อดำเนินคดี
ในปี 2530 ศาลฎีกาได้พิพากษาจำคุกชม้อยเป็นเวลา 141,078 ปี ซึ่งถือเป็นโทษจำคุกที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกฎหมายไทยกำหนดให้จำคุกได้สูงสุดเพียง 50 ปี ชม้อยจึงต้องรับโทษจำคุกเพียง 50 ปีเท่านั้น
ปัจจุบัน ชม้อยได้พ้นโทษออกจากเรือนจำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเธอใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆ ในบ้านพักของตนเองที่จังหวัดสิงห์บุรี โดยไม่ค่อยออกไปไหน และไม่ค่อยพูดคุยกับใคร และเธอได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่าเธอรู้สึกเสียใจต่อสิ่งที่เธอได้กระทำลงไป