บิวกัลยาณี (Bhikkhunī) เป็นคำศัพท์ทางศาสนาที่ใช้ในภาษาบาลี และนับเป็นหนึ่งในตำนานสำคัญของศาสนาพุทธศาสนา บิวกัลยาณีเป็นนางสาวที่ได้รับการบวชให้เป็นพระศาสนิกชนหญิง และมีบทบาททางศาสนาเช่นเดียวกับพระศาสนิกชนชายที่เรียกว่าภิกษุ คำว่า "บิวกัลยาณี" มาจากภาษาบาลี โดยประกอบด้วยคำว่า "บิว" ซึ่งหมายถึงเนื้อความหมายของคำว่า "นางสาว" และคำว่า "กัลยาณี" หมายถึงเนื้อความหมายของคำว่า "ผู้ที่ได้รับการบวชให้เป็นพระศาสนิกชน"
ในประวัติศาสตร์ของพุทธศาสนา เรื่องราวเกี่ยวกับบิวกัลยาณีมีความสำคัญอย่างมาก ในปี พ.ศ. 2463 ที่พระพุทธรูปทรงสามเณร หรือเรียกอีกชื่อว่า "พระพุทธรูปนางสาว" ถูกค้นพบในวัดเจดีย์ศรีสุพรรณในจังหวัดสระบุรี ซึ่งถือเป็นพระประธานประจำจังหวัดสระบุรีในปัจจุบัน
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับบิวกัลยาณีในตำนานอื่น ๆ ของพุทธศาสนา ตัวอย่างเช่นเรื่อง "มหาเวทย์เจ้านางพระโพธิสัตว์" ที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเจ้านางคู่กับพระศาสนิกชนชายที่ชื่อว่ากัลยาณี ทั้งสองได้รับการบวชเข้าสู่ศาสนาพุทธ และมีการผจญภัยที่น่าตื่นเต้นระหว่างการต่อสู้กับศัตรูต่าง ๆ
ในปัจจุบัน บิวกัลยาณียังคงมีบทบาททางศาสนาสำคัญอยู่ในประเทศไทยและหลายประเทศทั่วโลก พระสงฆ์บิวกัลยาณีจะมีปากกาแดงเป็นสัญลักษณ์และสามารถบวชเข้าสู่ศาสนาพุทธได้ ตามฐานะเดียวกับพระสงฆ์ภิกษุ โดยพระสงฆ์บิวกัลยาณีจะอยู่ในวัดที่เป็นที่ตั้งของพระเจ้าองค์หนึ่ง
นอกจากนี้ บิวกัลยาณียังมีบทบาทที่สำคัญในการสอนศาสนาและทำธุระกิจทางศาสนา และมีบทบาทที่สำคัญในการสืบทอดประเพณีและวัฒนธรรมในชุมชน นอกจากนี้ยังมีการตั้งสมเด็จพระสังฆราชานุสาวรีย์บิวกัลยาณีเพื่อเป็นเครื่องรำลึกถึงคุณค่าและบทบาทของพระสงฆ์บิวกัลยาณีในสังคม
บิวกัลยาณีเป็นคำศัพท์ทางศาสนาที่ใช้ในภาษาบาลี และหมายถึงนางสาวที่ได้รับการบวชให้เป็นพระศาสนิกชนหญิง มีบทบาททางศาสนาเช่นเดียวกับพระศาสนิกชนชายที่เรียกว่าภิกษุ ในประวัติศาสตร์ของพุทธศาสนามีเรื่องราวเกี่ยวกับบิวกัลยาณีที่มีความสำคัญ ในปัจจุบัน บิวกัลยาณียังคงมีบทบาททางศาสนาและวัฒนธรรมในชุมชน ซึ่งมีการตั้งสมเด็จพระสังฆราชานุสาวรีย์เพื่อรำลึกถึงคุณค่าและบทบาทของพระสงฆ์บิวกัลยาณีในสังคม