เป็นเกมที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ความฝัน และความคาดหวัง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเหนือความคาดหมาย บอร์นมัธทีมระดับรองของตารางพลิกล็อกเอาชนะสโมสรยักษ์ใหญ่อย่างแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดไปอย่างสุดช็อก
สนามวิ Vitality Stadium ลุกเป็นไฟด้วยแฟนบอลที่ตื่นเต้นและส่งเสียงเชียร์อย่างกึกก้องตั้งแต่เริ่มเกม และทีมเจ้าถิ่นก็ไม่ทำให้ผิดหวังโดยเริ่มต้นอย่างดุดันและเป็นฝ่ายได้ประตูขึ้นนำไปก่อนอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม แมนยูก็แก้เกมกลับมาได้อย่างรวดเร็วและตีเสมอ 1-1 ด้วยประตูของโรเมลู ลูกากู แต่หลังจากนั้น บอร์นมัธก็กลับมาได้เปรียบอีกครั้งและขึ้นนำ 2-1 ก่อนจบครึ่งแรก
ในครึ่งหลัง แมนยูพยายามอย่างหนักที่จะบุกกลับ แต่เกมรับที่เหนียวแน่นของบอร์นมัธก็ทำให้พวกเขาแทบจะไม่มีโอกาสลุ้นประตูเพิ่มได้เลย ในขณะเดียวกัน บอร์นมัธก็มีโอกาสที่จะยิงได้เพิ่มอีกหลายครั้ง และในที่สุดก็ปิดเกมด้วยประตูสุดสวยจากไรอัน เฟรเซอร์
ชัยชนะของบอร์นมัธครั้งนี้เป็นชัยชนะที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร และเป็นครั้งแรกที่พวกเขาสามารถเอาชนะแมนยูได้ในเกมลีกนับตั้งแต่ปี 1984
สำหรับแมนยูแล้ว ความพ่ายแพ้ในครั้งนี้เป็นความพ่ายแพ้ที่ทำให้ช็อกไปทั่วโลก และทำให้ความกดดันต่อผู้จัดการทีมโอเล กุนนาร์ โซลชาร์เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก
เกมนี้เป็นเกมที่แสดงให้เห็นถึงความงามของฟุตบอลที่อะไรก็เกิดขึ้นได้ แม้ว่าแมนยูจะเป็นทีมที่เหนือกว่าอย่างชัดเจน แต่บอร์นมัธก็สามารถเอาชนะได้ด้วยความทุ่มเท ความมุ่งมั่น และความสามัคคีของพวกเขา
ชัยชนะของบอร์นมัธครั้งนี้จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของสโมสร และเป็นชัยชนะที่สมควรได้รับการยกย่องอย่างสูงสำหรับทีมที่ทำงานหนักและมีจิตใจที่ทรหดอดทน
ส่วนแมนยูจะต้องกลับไปแก้ไขข้อผิดพลาดของตัวเองและหาทางกลับเข้าสู่เส้นทางแห่งชัยชนะให้ได้โดยเร็วที่สุด หากพวกเขาต้องการที่จะลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้