หากให้พูดถึงนักการเมืองหนุ่มที่กำลังมาแรงและมีผู้ติดตามบนโลกออนไลน์เป็นจำนวนมากในขณะนี้ คงจะขาดชื่อของ ปูพงษ์สิทธิ์ ศรีธเนศวร์ หรือที่รู้จักกันในชื่อเล่นว่า "ปู" ไปไม่ได้ ด้วยวัยเพียง 33 ปี เขาได้เข้ารับตำแหน่ง ส.ส. เขต 7 นครศรีธรรมราช จากพรรคประชาธิปัตย์ และได้รับเลือกให้เป็นเลขานุการวิปรัฐมนตรีเมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา
เรื่องราวชีวิตของปูพงษ์สิทธิ์นั้นไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เขาเติบโตมาในครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวยมากนัก คุณพ่อเป็นข้าราชการครู ส่วนคุณแม่เป็นครูสอนตัดเสื้อ คุณปู่เป็นช่างตัดเสื้อและมีร้านตัดเสื้อเล็กๆ อยู่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช
ปูพงษ์สิทธิ์เล่าว่าในสมัยเด็กครอบครัวของเขาลำบากมาก ถึงขนาดที่ต้องหาเศษเศษอาหารที่เหลือจากงานเลี้ยงต่างๆ มากิน นอกจากนี้เขายังต้องทำงานพิเศษ เช่น ขายของออนไลน์และรับจ้างก่อสร้าง เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัว
ด้วยความมุมานะและความใฝ่ฝันที่จะมีชีวิตที่ดีกว่า ปูพงษ์สิทธิ์จึงตั้งใจเรียนหนังสืออย่างหนัก และสามารถสอบติดคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหงได้ในที่สุด แต่ด้วยภาระทางบ้านที่หนักอึ้ง ทำให้เขาต้องหยุดเรียนไปถึง 2 ปี เพื่อทำงานหาเลี้ยงครอบครัว
หลังจากที่ทำงานเก็บเงินได้พอสมควร ปูพงษ์สิทธิ์ก็ตัดสินใจกลับไปเรียนต่อจนจบการศึกษา และได้ทำงานเป็นนักกฎหมายอยู่ระยะหนึ่ง ก่อนที่จะตัดสินใจลงเล่นการเมือง
การลงเล่นการเมืองของปูพงษ์สิทธิ์นั้นเกิดจากความตั้งใจที่อยากจะพัฒนาบ้านเกิดของตนเอง เขาลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคประชาธิปัตย์ และได้รับเลือกให้เป็น ส.ส. เขต 7 นครศรีธรรมราช ด้วยคะแนนเสียงถล่มทลาย
ในฐานะ ส.ส. ปูพงษ์สิทธิ์ได้ทำงานหนักเพื่อพัฒนาพื้นที่ของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างถนน การพัฒนาแหล่งน้ำ และการส่งเสริมการท่องเที่ยว นอกจากนี้เขายังเป็นที่รู้จักในฐานะนักการเมืองที่ใกล้ชิดกับประชาชน และพร้อมที่จะรับฟังปัญหาต่างๆ ของชาวบ้าน
กระแสความนิยมของปูพงษ์สิทธิ์ในโลกออนไลน์นั้นมาจากหลายปัจจัย ทั้งจากการที่เขามีผลงานเป็นที่ประจักษ์ การที่เขาเป็นนักการเมืองหนุ่มที่มีวิสัยทัศน์ และการที่เขาเป็นคนที่มีเสน่ห์เป็นกันเอง
ปูพงษ์สิทธิ์เคยกล่าวว่า "ผมเป็นเพียงคนธรรมดาที่อยากจะทำความดีเพื่อบ้านเกิดของตัวเอง ผมไม่ได้คิดว่าตัวเองเก่งกว่าคนอื่น แต่ผมพร้อมที่จะทำงานหนักและทุ่มเททุกอย่างเพื่อทำให้บ้านเกิดของเราเจริญขึ้น
ด้วยความตั้งใจจริงและความทุ่มเทของปูพงษ์สิทธิ์ เชื่อว่าเขาจะสามารถพัฒนาบ้านเกิดของตนเองให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นได้อย่างแน่นอน และจะเป็นนักการเมืองที่เป็นตัวอย่างให้กับเยาวชนรุ่นใหม่ได้อีกด้วย