สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องราวฮาๆ ที่เกิดขึ้นกับป้าติ๋มเพื่อนบ้านผมครับ ป้าติ๋มนั้นเป็นคนใจดีมากเลยนะ ใครมาขอความช่วยเหลืออะไรก็ไม่เคยปฏิเสธสักครั้ง แถมยังชอบเลี้ยงอาหาร ชอบแจกของให้คนในซอยอีกต่างหาก แต่ใครจะรู้ล่ะว่าจู่ๆ ป้าติ๋มก็กลายเป็นเศรษฐีนีซะงั้น
เรื่องมันเริ่มต้นจากจดหมายฉบับหนึ่งครับ จดหมายฉบับนี้ถูกส่งมาจากต่างประเทศ โดยระบุว่าป้าติ๋มได้รับมรดกเป็นมูลค่ากว่า 100 ล้านบาทจากญาติที่อยู่ที่อเมริกา ป้าติ๋มถึงกับช็อกเลยครับ เพราะไม่เคยรู้จักญาติคนนี้มาก่อน แต่ด้วยความเป็นคนไม่เคยโกหก ป้าติ๋มก็เลยตัดสินใจติดต่อไปที่บริษัทกฎหมายที่ส่งจดหมายมา
หลังจากติดต่อไปแล้ว ป้าติ๋มก็ได้ทราบความจริงว่าญาติที่อยู่ที่อเมริกาของป้าติ๋มนั้นได้เสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว โดยญาติคนนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องที่ป้าติ๋มไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย เพราะว่าครอบครัวของป้าติ๋มได้อพยพมาจากจีนตั้งแต่ป้าติ๋มยังเล็กๆ
ญาติคนนี้ได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินทั้งหมดให้กับป้าติ๋มโดยระบุไว้ว่าอยากให้ป้าติ๋มได้มรดกนี้ไปช่วยเหลือผู้ยากไร้ บริษัทกฎหมายได้ขอให้ป้าติ๋มส่งสำเนาบัตรประชาชนและสมุดบัญชีไปเพื่อยืนยันตัวตน ป้าติ๋มก็รีบส่งไปทันที
ผ่านไปไม่กี่วัน ป้าติ๋มก็ได้รับโทรศัพท์จากบริษัทกฎหมายอีกครั้ง คราวนี้บริษัทกฎหมายแจ้งว่าได้โอนเงินมรดกจำนวน 100 ล้านบาทเข้าบัญชีของป้าติ๋มเรียบร้อยแล้ว ป้าติ๋มถึงกับพูดไม่ออก ดีใจจนน้ำตาไหลเลยครับ
หลังจากที่ได้รับมรดกมา ป้าติ๋มก็ไม่ลืมคำสั่งเสียของญาติที่ให้ช่วยเหลือผู้ยากไร้ ป้าติ๋มจึงแบ่งเงินส่วนหนึ่งไปบริจาคให้กับมูลนิธิต่างๆ และอีกส่วนหนึ่งก็เอาไปสร้างบ้านหลังเล็กๆ ให้กับคนจนในซอย
ปัจจุบันป้าติ๋มยังคงใช้ชีวิตเรียบง่ายเหมือนเดิมครับ แม้ว่าจะมีเงิน 100 ล้านบาทก็ตาม แต่ป้าติ๋มก็ไม่เคยลืมรากเหง้าของตัวเองเลย ป้าติ๋มยังคงเป็นคนใจดีที่คอยช่วยเหลือคนอื่นเสมอ
เรื่องราวของป้าติ๋มทำให้ผมได้เรียนรู้ว่า ความดีที่เราทำสามารถตอบแทนเรากลับมาได้ในหลายๆ รูปแบบ และไม่ว่าเราจะมีเงินมากมายแค่ไหน สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการไม่ลืมรากเหง้าของตัวเอง