พริกขี้หนู ไม่ว่าใครก็ต่างรู้จักเจ้าของฉายานี้ดี ว่าเป็นพริกที่เผ็ดร้อนแรงที่สุดในโลก แต่ถึงแม้ว่าจะมีความเผ็ดนำมาเป็นอันดับหนึ่ง หากแต่พริกขี้หนูก็ยังมีประโยชน์ซ่อนอยู่ในความเผ็ดอยู่อีกด้วย พริกขี้หนูเป็นพืชในวงศ์茄 (Solanaceae) มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาใต้ โดยแพร่กระจายไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก และในประเทศไทยเอง พริกขี้หนูก็เป็นพืชที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องด้วยสามารถนำมาใช้ประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู
ความเผ็ดของพริกขี้หนูเกิดจากสารเคมีที่ชื่อว่า แคปไซซิน (Capsaicin) ซึ่งเป็นสารในกลุ่ม Capsaicinoids เมื่อเรากินพริก แคปไซซินจะไปกระตุ้นตัวรับความร้อน (TRPV1) ในช่องปากของเรา ซึ่งตัวรับนี้โดยปกติจะทำงานเมื่อเราสัมผัสกับความร้อน แต่แคปไซซินกลับหลอกให้ตัวรับนี้ทำงานเหมือนกับว่ากำลังสัมผัสกับความร้อนจริงๆ นั่นจึงเป็นที่มาของความเผ็ดที่เราสัมผัสได้
ถึงแม้ว่าความเผ็ดจะทำให้เกิดความแสบร้อนในปาก แต่แคปไซซินในพริกขี้หนูกลับมีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพ ได้แก่
นอกจากประโยชน์ด้านสุขภาพแล้ว พริกขี้หนูยังเป็นเครื่องเทศที่มีรสชาติเผ็ดร้อนที่เป็นที่นิยมอย่างมากในหลายๆ ประเทศทั่วโลก ด้วยความเผ็ดและกลิ่นหอมเฉพาะตัว พริกขี้หนูจึงช่วยเพิ่มรสชาติและความจัดจ้านให้กับอาหารได้เป็นอย่างดี
ในประเทศไทย พริกขี้หนูเป็นหนึ่งในเครื่องเทศที่ขาดไม่ได้ในหลายๆ เมนู เช่น แกงส้ม แกงเขียวหวาน ผัดเผ็ด และยำต่างๆ ความเผ็ดของพริกขี้หนูช่วยเพิ่มความอร่อยและเพิ่มความซับซ้อนให้กับรสชาติของอาหาร ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของคนไทยทุกภาค
พริกขี้หนู นอกจากจะเป็นราชาแห่งความเผ็ดแล้ว ยังเป็นพืชที่อุดมไปด้วยประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง ลดการอักเสบ ลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดน้ำหนัก และบรรเทาอาการปวด หากแต่ถึงแม้ว่าพริกขี้หนูจะมีประโยชน์มากมายเพียงใด ก็ควรบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะหากรับประทานมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงต่างๆ เช่น แสบท้อง ท้องเสีย และกรดไหลย้อนได้