เล่ากันว่าในศากยะนครนั้น มีกษัตริย์พระนามว่า พระเจ้าศุทธโธทัน ทรงเป็นพระราชาที่ครองบ้านเมืองด้วยทศพิธราชธรรม ปกครองประชาชนด้วยความเมตตาธรรม ใต้ร่มพระบารมีของพระราชาผู้ยิ่งใหญ่นั้น มีอัครมเหสีผู้เลอโฉมนามว่า พระนางสิริมหามายา เป็นพระธิดาของพระเจ้าอัญชนา และพระนางยโสธราแห่งเทวทหะนคร
พระนางสิริมหามายาเป็นผู้ที่มีความงามเป็นเลิศ ทั้งยังทรงมีเมตตาธรรมอันเปี่ยมล้น เช่นเดียวกับพระสวามี ทรงโปรดการประพฤติธรรมและการช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากอยู่เสมอ จนเป็นที่รักใคร่ของเหล่าพสกนิกรทั่วทั้งพระนคร
คืนหนึ่ง ขณะที่พระนางบรรทมหลับอยู่นั้น ได้ทรงพระสุบินว่า เทวดาองค์หนึ่งมาพาพระนางขึ้นไปบนยอดเขาหิมาลัย แล้วอัญเชิญให้พระนางทรงสรงน้ำในสระโบกขรณีอันใสสะอาด จากนั้น ได้ทรงประทานช้างเผือก 6 ตระกูลให้พระนางเสวย แล้วอัญเชิญพระนางเสด็จกลับสู่พระราชวัง
เมื่อพระนางตื่นบรรทม พระนางได้เล่าความฝันให้พระสวามีฟัง พระเจ้าศุทธโธทันทรงพระโสมนัสเป็นอันมาก จึงได้ทำการปรึกษาเหล่าพราหมณ์ผู้มีปัญญา พราหมณ์ทั้งหลายได้ทำนายว่าพระนางจะทรงโอรสผู้มีความยิ่งใหญ่ในอนาคต
จากนั้นไม่นาน พระนางสิริมหามายาก็ทรงพระครรภ์ ก่อนที่จะเจ็บพระครรภ์และเสด็จมายังสวนลุมพินีอันร่มรื่น วันนั้นเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีจอ พระนางประทับอยู่ใต้ต้นสาละใหญ่ และได้ประสูติพระโอรสผู้มีผิวพรรณผุดผ่องดั่งทองคำ พระเนตรดำขลับ กล่าวกันว่าทันทีที่พระโอรสประสูติ ก็ได้ทรงดำเนินพระบาท 7 ก้าว แล้วตรัสว่า "เราเป็นเลิศประเสริฐกว่าทั้งมวลในโลกนี้"
พระนางสิริมหามายาได้ทรงพระโสมนัสเป็นอย่างมากที่ได้ประสูติโอรสผู้งดงาม แต่ก็ทรงประชวรและสวรรคตหลังจากนั้นเพียง 7 วัน พระเจ้าศุทธโธทันทรงให้ทำการถวายพระเพลิงพระศพพระนางอย่างสมเกียรติ
พระโอรสของพระนางสิริมหามายาได้เจริญพระชนม์มาจนถึงวัยหนุ่ม และได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า "พระพุทธเจ้าสิทธัตถะ" พระพุทธองค์ทรงนำคำสอนทางธรรมไปเผยแผ่แก่ประชาชนทั้งหลายจนกระทั่งได้รับการขนานนามว่าเป็น "ศาสดาเอกในโลก"
พระนางสิริมหามายาจึงเป็นพระมารดาที่ยิ่งใหญ่ ผู้ให้กำเนิดบุคคลสำคัญของโลก พระนางทรงเป็นตัวอย่างของความเมตตา ความเสียสละ และความเลื่อมใสศรัทธาในธรรมอันเป็นแบบอย่างให้กับพุทธศาสนิกชนทั้งมวลตราบจนทุกวันนี้