พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคลทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 11 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เมื่อครั้งทรงพระเยาว์ พระองค์ได้เสด็จประทับกับสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี ฯ จึงทรงใกล้ชิดกับพระเชษฐภคินีและพระอนุชาร่วมพระชนกชนนีที่ประสูติจากท่านผู้หญิงอื่นๆ
พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคลทรงมีพระจริยาวัตรที่เรียบง่ายและสมถะ ทรงโปรดกีฬาและการพายเรือ ภายหลังทรงสำเร็จการศึกษาจากประเทศอังกฤษแล้ว ได้ทรงรับราชการในตำแหน่งนายทหารและเสนาบดีกระทรวงกลาโหม ทรงมีบทบาทสำคัญในการปฏิรูปกองทัพไทยให้มีความทันสมัย
นอกจากนั้น พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคลยังทรงเป็นนักเขียนและนักแปลที่มีชื่อเสียง ทรงมีผลงานการประพันธ์ที่หลากหลาย เช่น เรื่องสั้น นวนิยาย และบทละคร รวมถึงงานแปลหนังสือคลาสสิกจากภาษาอังกฤษ ซึ่งล้วนได้รับการยกย่องในด้านความประณีตและงดงาม
พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคลทรงเป็นพระบิดาของหม่อมเจ้าเฉลิมศักดิ์ยุคล และทรงเป็นพระอัยกาของหม่อมราชวงศ์ม.จ. จุลเจิม ยุคล และหม่อมราชวงศ์หญิงภาณุพันธุ์ ยุคล
พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคลสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2466 ขณะมีพระชนมายุเพียง 44 พรรษา การสิ้นพระชนม์ของพระองค์เป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของวงการวรรณกรรมและวงการทหารไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระนิพนธ์และพระอารมณ์ขันของพระองค์ยังคงเป็นที่จดจำและกล่าวขวัญถึงมาจนถึงปัจจุบัน
พระนิพนธ์ที่ทรงคุณค่า
พระอารมณ์ขันที่โด่งดัง
วันหนึ่ง พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคลทรงขี่ม้าผ่านไปในย่านถนนเจริญกรุง เมื่อมาถึงบริเวณสี่แยก เห็นตำรวจจราจรยืนโบกไม้สั่งให้หยุด แต่พระองค์ทรงขี่ม้าผ่านไปเฉยๆ ไม่สนใจ ตำรวจจราจรจึงรีบวิ่งไล่ตามพระองค์ไป
เมื่อไล่ตามทัน ตำรวจจราจรจึงกล่าวว่า "ขอประทานโทษด้วยนะครับ พระองค์ท่าน ทรงเห็นไหมครับว่า ผมโบกไม้สั่งให้หยุด" พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคลทรงยิ้มและตรัสว่า "เห็นครับ แต่ผมนึกว่าท่านโบกไม้ไล่ให้ไป"
พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคลทรงเป็นเจ้านายที่ทรงพระคุณอันประเสริฐ เป็นนักเขียนนักแปลผู้เปี่ยมด้วยพรสวรรค์ และเป็นผู้ทรงอารมณ์ขันที่ทำให้ผู้คนยิ้มได้แม้เวลาจะผ่านไปนานเพียงใดก็ตาม