มหาราชา




มหาราชา... ใครกันที่ได้รับการขนานนามเช่นนี้ หากนับตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน ชื่อของพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่ครองบัลลังก์แห่งความเคารพนบนมนทิรแห่งประวัติศาสตร์นั้นมีอยู่ไม่น้อย หลายพระองค์ทรงเป็นผู้นำที่ชาญฉลาด โกลาหล กล้าหาญ และมีวิสัยทัศน์ ใช้อำนาจและอิทธิพลของตนเพื่อนำพาอาณาจักรของตนไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง แต่ใครกันแน่ที่สมควรได้รับการยกย่องว่าเป็น "มหาราชา" อย่างแท้จริง

บางคนอาจชี้ไปที่พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช ผู้พิชิตผู้ไร้พ่าย ผู้ขยายอาณาจักรของตนให้กว้างใหญ่ไพศาลจนไม่มีใครเทียบเคียง หรือจักรพรรดิเจงกิสข่าน ผู้นำมองโกล ผู้ก่อตั้งจักรวรรดิที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่โลกเคยรู้จัก แต่สำหรับข้าพเจ้า บุรุษผู้คู่ควรกับฉายา "มหาราชา" ที่สุดนั้นคือพระเจ้าอโศกมหาราช

พระเจ้าอโศกทรงครองราชย์ในอินเดียในศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตศักราช หลังจากที่ได้ทรงประสบชัยชนะในสงครามอันนองเลือดครั้งใหญ่ พระองค์ทรงตระหนักถึงความโหดร้ายและการสูญเสียอันน่าสลดใจที่เกิดขึ้น จึงทรงสละอาวุธและหันมาสู่แนวทางแห่งสันติ เผยแผ่หลักคำสอนแห่งศาสนาพุทธทั่วอาณาจักรของพระองค์

พระเจ้าอโศกทรงเป็นนักปกครองที่เปี่ยมด้วยพระเมตตาและเมตตาธรรม พระองค์ทรงยกเลิกการลงโทษที่โหดร้าย และแทนที่ด้วยการลงโทษที่ไม่รุนแรงกว่า พระองค์ทรงก่อสร้างโรงพยาบาลและสถานพักพิงสำหรับคนยากไร้ รวมทั้งสั่งห้ามการล่าสัตว์และการตัดต้นไม้โดยไม่จำเป็น

แต่สิ่งที่ทำให้พระเจ้าอโศกทรงเป็นมหาราชาที่แท้จริงก็คือวิสัยทัศน์แห่งสันติและความสามัคคีของพระองค์ พระองค์ทรงส่งพระธรรมทูตไปยังดินแดนต่างๆ เพื่อเผยแผ่คำสอนแห่งสันติและความเมตตา และพระองค์ทรงส่งเสริมให้มีการเจรจาและความอดทนอดกลั้นแทนที่จะใช้ความรุนแรง

มรดกที่พระเจ้าอโศกทิ้งไว้ให้นั้นยั่งยืนยาวนาน พระองค์ทรงปูรากรฐานแห่งสันติและความสามัคคีในอินเดีย และหลักคำสอนแห่งพระองค์ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนทั่วโลกในปัจจุบัน

พระเจ้าอโศกมิได้ยิ่งใหญ่เพราะพระองค์ทรงพิชิตดินแดนหรือสะสมความมั่งคั่ง แต่เพราะพระองค์ทรงปลูกฝังเมล็ดพันธุ์แห่งสันติในหัวใจของมนุษย์ พระองค์ได้แสดงให้โลกเห็นว่าอำนาจที่แท้จริงไม่ได้มาจากกองทัพหรืออาวุธ แต่มาจากความเมตตาและความกล้าหาญในการแสวงหาสันติ

สำหรับข้าพเจ้าแล้ว พระเจ้าอโศกคือ "มหาราชา" อย่างแท้จริง พระองค์เป็นแบบอย่างของผู้นำที่ฉลาด กล้าหาญ และมีเมตตา พระองค์ทรงพิสูจน์ให้เห็นว่าแม้ในยามที่มืดมนที่สุด มนุษยชาติก็ยังมีความหวังในสันติและความสามัคคี