จดหมายเหตุประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้ว่า เมื่อเวลา 15.52 น. ของวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราชบรมนาถบพิตร ได้เสด็จสวรรคต ณ โรงพยาบาลศิริราช ด้วยพระชนมพรรษา 88 พรรษา
ทั้งแผ่นดินโศกเศร้า
ทันทีที่ข่าวการเสด็จสวรรคตของพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชแพร่สะพัดออกไป ทั่วทั้งแผ่นดินต่างก็โศกเศร้าอาดูร น้ำตาแห่งความเสียใจไหลรินราวกับสายน้ำ สถานที่สำคัญต่างๆ ทั่วประเทศได้ลดธงลงครึ่งเสา เพื่อเป็นเครื่องหมายแสดงความอาลัยต่อการจากไปของพระมหากษัตริย์ผู้ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก
พระบิดาแห่งแผ่นดิน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงเป็นที่รักและเคารพของคนไทยทั้งประเทศ พระองค์ทรงครองราชย์ด้วยทศพิธราชธรรม ประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อพัฒนาประเทศและความเป็นอยู่ที่ดีของพสกนิกร
พระมหากษัตริย์ผู้ทรงงานหนัก
ตลอดระยะเวลากว่า 70 ปีที่ครองราชย์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชไม่เคยหยุดพักในการทรงงาน เพื่อความสุขและความเจริญของประชาชน พระองค์ทรงเสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมเยียนพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อรับฟังปัญหาและนำความเจริญไปสู่ชุมชน
พระบิดาแห่งการพัฒนา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงริเริ่มโครงการพัฒนาต่างๆ มากมายที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน ไม่ว่าจะเป็นโครงการชั่งหัวมัน โครงการกังหันน้ำชัยพฤกษ์ โครงการฝนหลวง หรือโครงการธนาคารข้าว
ความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่
การเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของคนไทย คนทั้งชาติต่างอาลัยและถวายความจงรักภักดีแด่พระมหากษัตริย์ผู้ทรงคุณอันประเสริฐ พระองค์จะทรงอยู่ในใจของคนไทยตลอดไป
เราจะไม่มีวันลืมพระองค์
แม้ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชจะได้เสด็จสวรรคตไปแล้ว แต่พระองค์จะยังทรงอยู่ในใจของคนไทยตลอดไป พระบรมราโชวาทและพระราชดำริที่พระองค์ทรงสอนไว้ จะเป็นแนวทางให้คนไทยดำเนินชีวิตด้วยหลักแห่งความดี ยุติธรรม และความเมตตา