วันมหิดล




ในวันที่ 24 กันยายนของทุกปี ประเทศไทยจะได้ร่วมรำลึกถึงบุคคลสำคัญที่มีพระคุณอันยิ่งใหญ่ต่อวงการแพทย์ของไทย นั่นก็คือ "สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก" หรือที่คนไทยทั่วไปรู้จักกันในพระนามว่า "พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย"

ประวัติความเป็นมา

สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 77 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า

พระองค์ทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2434 ณ วังบางขุนพรหม พระนคร ทรงสำเร็จการศึกษาด้านการแพทย์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา และทรงเป็นแพทย์ชาวไทยพระองค์แรกที่ได้รับปริญญาแพทยศาสตร์จากมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ

พระราชกรณียกิจอันยิ่งใหญ่

พระราชกรณียกิจที่สำคัญที่สุดของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก คือการทรงวางรากฐานระบบการแพทย์แผนปัจจุบันในประเทศไทย

  • ทรงก่อตั้งโรงเรียนแพทย์แผนปัจจุบันแห่งแรกของประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2489 ซึ่งต่อมาได้ยกฐานะเป็น "คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล" จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • ทรงฝึกอบรมแพทย์และพยาบาลชาวไทยจำนวนมาก เพื่อให้มีบุคลากรทางการแพทย์ในประเทศที่เพียงพอ
  • ทรงริเริ่มโครงการสาธารณสุขต่างๆ เพื่อป้องกันและรักษาโรคในประชาชน เช่น การจัดตั้งสถานีอนามัยและโรงพยาบาลในต่างจังหวัด รวมถึงการสร้างระบบประกันสุขภาพ

พระราชกรณียกิจทั้งหมดของพระองค์ได้เป็นรากฐานที่สำคัญในการพัฒนาระบบสาธารณสุขของประเทศไทยให้มีความเจริญก้าวหน้ามาจนถึงปัจจุบัน

วันมหิดล

เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระคุณของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ในวันที่ 24 กันยายนของทุกปี จึงได้มีการกำหนดให้เป็น "วันมหิดล"

ในวันนี้จะมีการจัดกิจกรรมรำลึกถึงพระองค์ทั่วประเทศ เช่น การวางพวงมาลาที่พระบรมราชานุสรณ์ การจัดนิทรรศการเกี่ยวกับพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจ รวมถึงการกล่าวสุนทรพจน์เพื่อเชิดชูพระเกียรติคุณ

นอกจากนี้ ยังมีการมอบ "รางวัลมหิดล" ซึ่งเป็นรางวัลอันทรงเกียรติเพื่อยกย่องบุคคลและองค์กรที่มีผลงานโดดเด่นในการพัฒนาวงการแพทย์และสาธารณสุขของไทย

วันมหิดลเป็นวันที่สำคัญที่ให้เราได้รำลึกถึงพระคุณของพระบิดาแห่งการแพทย์ไทย และเป็นแรงบันดาลใจให้เราทุกคนร่วมกันพัฒนาระบบสาธารณสุขของประเทศไทยให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นไปอีกในอนาคต