วันไหว้ครู วันแห่งความกตัญญูต่อผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชา




วันไหว้ครูนับเป็นวันสำคัญที่ลูกศิษย์จะได้แสดงความกตัญญูกตเวทีต่อครูบาอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ ให้ความเมตตาสั่งสอนและอบรมเลี้ยงดูมาด้วยความเอาใจใส่ ทั้งนี้เพื่อสืบสานประเพณีอันดีงามที่ได้กระทำสืบต่อกันมาแต่โบราณ

ตามประวัติความเป็นมาของวันไหว้ครู เริ่มมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย เมื่อครั้งที่พ่อขุนรามคำแหงมหาราชทรงประดิษฐ์อักษรไทยขึ้นมา ณ เมืองศรีสัชนาลัย ซึ่งในปัจจุบันก็คือจังหวัดสุโขทัย ด้วยพระปรีชาสามารถและความเมตตาของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช จึงได้พระราชทานพระไตรปิฎกภาษาไทย หรือที่เรียกว่า "ไตรภูมิพระร่วง" เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้นำไปศึกษาต่อ และได้ก่อตั้งโรงเรียนขึ้นในวัดและในวัง เพื่อให้ราษฎรได้เล่าเรียนภาษาไทย ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้มีการประกาศให้วันที่ 16 มกราคมของทุกปีเป็น "วันครูแห่งชาติ" โดยถือเอาวันที่ตราพระราชบัญญัติประถมศึกษา พ.ศ. 2458 เป็นวันสำคัญ

พิธีไหว้ครูในสมัยโบราณนิยมใช้ดอกไม้ ธูป เทียน และเครื่องบูชาต่างๆ มากราบไหว้ครูอาจารย์ ภายในบ้านหรือที่โรงเรียน วัด สำนัก หรือสถาบันการศึกษา ส่วนการไหว้ครูในปัจจุบันอาจมีการเพิ่มเติมด้วยสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นต่อการเรียนการสอน เช่น ปากกา ดินสอ สมุดเรียน ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อแสดงความกตัญญูต่อผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชา และเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเองอีกด้วย

ในวันไหว้ครูนอกจากการไหว้ครูด้วยดอกไม้ ธูปเทียน เครื่องบูชา และสิ่งของต่างๆ แล้ว ยังมีการทำพิธีอื่นๆ เพื่อแสดงความกตัญญูต่อครูอาจารย์อีกด้วย เช่น การร้องเพลงไหว้ครู การรำไหว้ครู การมอบโล่เกียรติคุณ การจัดเลี้ยง และการมอบทุนการศึกษา เพื่อเป็นการตอบแทนพระคุณครูอาจารย์ที่ได้อบรมสั่งสอนเราจนประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและชีวิต

วันไหว้ครูเป็นวันสำคัญที่ลูกศิษย์จะได้แสดงความกตัญญูกตเวทีต่อครูบาอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ ด้วยการไหว้ครูด้วยดอกไม้ ธูปเทียน เครื่องบูชา และสิ่งของต่างๆ รวมถึงการทำพิธีอื่นๆ เพื่อเป็นการตอบแทนพระคุณครูอาจารย์ที่ได้อบรมสั่งสอนเราจนประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและชีวิต