หัวหน้าฆาตกรปี 1958




ฉันชอบที่จะคิดว่าฉันเป็นนักสืบที่ดี ฉันแก้คดีอาชญากรรมได้มากมาย และช่วยเหลือผู้คนมากมาย แต่มีกรณีหนึ่งที่ยังคงติดอยู่ในหัวใจของฉัน จนถึงทุกวันนี้
มันเกิดขึ้นในปี 1958 ฉันเป็นนักสืบหนุ่มในเวลานั้น และฉันก็ได้รับมอบหมายให้สืบสวนคดีฆาตกรรมของหญิงสาวรายหนึ่ง เธอถูกพบเสียชีวิตในอพาร์ตเมนต์ของเธอ และเธอถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม
ฉันเริ่มการสืบสวน โดยสอบปากคำเพื่อน ครอบครัว และเพื่อนร่วมงานของเธอ ฉันยังได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุและรวบรวมหลักฐานอีกด้วย หลังจากทำงานหนักหลายวัน ฉันสามารถระบุกลุ่มผู้ต้องสงสัยได้ 3 คน
ผู้ต้องสงสัยคนแรกคือสามีของเหยื่อ เขาเป็นชายหึงหวงและมีประวัติความรุนแรง ฉันสอบปากคำเขา และเขาให้คำตอบที่ขัดแย้งกัน ฉันไม่แน่ใจว่าเขาเป็นฆาตกรหรือไม่ แต่เขาก็น่าสงสัยอย่างแน่นอน
ผู้ต้องสงสัยคนที่สองเป็นเพื่อนร่วมงานของเหยื่อ เขาเป็นชายที่หลงไหลในเหยื่อและเคยสารภาพว่ารักเธอ ฉันสอบปากคำเขา และเขาก็ยอมรับว่าเขารักเธอ แต่เขาปฏิเสธว่าไม่รู้ว่าเธอตายแล้ว
ผู้ต้องสงสัยคนที่สามคือเพื่อนบ้านของเหยื่อ เขาเป็นคนแปลกๆ ที่มักจะสอดแนมเธอ ฉันสอบปากคำเขา และเขาบอกฉันว่าเขาแอบชอบเหยื่ออยู่ แต่เขาไม่เคยทำอะไรที่ไม่ดีกับเธอ
ฉันใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการสอบสวนผู้ต้องสงสัยเหล่านี้ ฉันค่อยๆ รวบรวมหลักฐานเพื่อต่อต้านพวกเขา ทีละคน ทีละคน ฉันค่อยๆ กีดกันพวกเขาออกจากคดี จนกระทั่งฉันเหลือเพียงผู้ต้องสงสัยเพียงคนเดียว
ผู้ต้องสงสัยคนสุดท้ายคือเพื่อนบ้านของเหยื่อ ฉันรู้ว่าเขาเป็นฆาตกร แต่ฉันยังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะจับกุมเขา ฉันจึงต้องอดทนและรอ
ในที่สุด ฉันก็หาหลักฐานที่ฉันต้องการได้ ฉันพบรอยเลือดบนเสื้อผ้าของเขา และฉันก็พบ DNA ของเหยื่อในอพาร์ตเมนต์ของเขา ฉันจับกุมเขาและตั้งข้อหาฆาตกรรม
การพิจารณาคดีดำเนินไปหลายเดือน และในที่สุดเพื่อนบ้านของเหยื่อก็ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฆาตกรรม ฉันโล่งใจมากที่ได้รู้ว่าเขาถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่ฉันก็เสียใจที่หญิงสาวผู้บริสุทธิ์ต้องจบชีวิตลงด้วยน้ำมือของเขา
คดีนี้สอนบทเรียนอันมีค่าให้ฉัน ฉันเรียนรู้ว่าต้องอดทนและรอคอยเวลาที่เหมาะสมในการโจมตี ฉันยังเรียนรู้ว่าไม่ว่าคดีจะยากแค่ไหน ฉันก็จะไม่ยอมแพ้จนกว่าจะจับตัวฆาตกรได้