เบลล่าเป็นหนึ่งในประเพณีที่มีความสำคัญอย่างมากในวัฒนธรรมไทย ซึ่งมีลักษณะเป็นการสืบทอดทางวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นในช่วงปลายปีของแต่ละปี ประกอบไปด้วยกิจกรรมและพิธีกรรมต่างๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของเทศกาลนี้
เบลล่าเป็นคำศัพท์ที่มาจากภาษาสันสกฤตภาษาหนึ่ง ซึ่งมีความหมายว่า "การสืบทอด" หรือ "การพากันสืบทอด" นั่นเอง การเติบโตและการสืบทอดทางวัฒนธรรมของชุมชนได้ถูกนำมาปฏิบัติในเทศกาลเบลล่าเพื่อสืบทอดความเป็นต่อเนื่องและความเชื่อมั่นในหน้าที่ของครอบครัว ชุมชน และชาติพันธุ์
เทศกาลเบลล่าเกิดขึ้นในช่วงปลายปี ซึ่งเป็นช่วงที่มีการเก็บเกี่ยวของผลผลิตและการเตรียมตัวสำหรับฤดูหนาว ชาวนาจะใช้เวลาว่างในการพักผ่อนและสังสรรค์กันในชุมชน ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่เทศกาลเบลล่าเกิดขึ้น
เบลล่ามีลักษณะการแช่เย็นอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งกิจกรรมหลักที่เกี่ยวข้องคือการเคลื่อนไหวเป็นกลุ่มกันในลำน้ำหรือบ่อน้ำตาก เพื่อสร้างความสนุกสนานและเชื่อมความสัมพันธ์ในชุมชน
ประเพณีเบลล่าขึ้นระหว่างวันที่ 13-15 พฤศจิกายนของแต่ละปี โดยการแบ่งประเพณีเป็นสองส่วนหลัก คือ "เบลล่าเล็ก" และ "เบลล่าใหญ่"
การเบลล่าเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมความเป็นสังคมและความเชื่อมั่นในชุมชน นอกจากนี้ยังเป็นการทำให้เยาวชนรู้จักและรักษาประเพณีไทยอันเป็นเอกลักษณ์ เนื่องจากเทศกาลนี้เป็นที่มาของความรู้ความเข้าใจในประเพณีและวัฒนธรรมไทย
เบลล่าเป็นเทศกาลที่มีความหลากหลายในแต่ละภูมิภาคของประเทศไทย ซึ่งอาจมีความแตกต่างกันตามภูมิประเทศ รวมทั้งมีการเรียกชื่อเทศกาลนี้ในลักษณะที่แตกต่างกันออกไป อย่างเช่นในภาคเหนือเรียกว่า "ประเพณีก่อเบลล่า" ในภาคตะวันออกเรียกว่า "ประเพณีต้นเบลล่า" และในภาคใต้เรียกว่า "ประเพณีต้นและปลายเบลล่า"
เทศกาลเบลล่าเป็นที่น่าตื่นเต้นและน่าสนุกสนาน นอกจากการแช่เย็นในน้ำแล้วยังมีกิจกรรมอื่นๆ เช่นการแข่งเรือเบลล่า การแข่งขันเกี่ยวกับศิลปะและวัฒนธรรม การแสดงมายากล การแสดงดนตรีและลูกทุ่ง ซึ่งทำให้เทศกาลนี้เป็นที่รู้จักและนับถือมากที่สุดในประเทศไทย
เบลล่าเป็นประเพณีที่สื่อถึงความเป็นเอกลักษณ์และความเชื่อมั่นในวัฒนธรรมไทย การสืบทอดและรักษาประเพณีนี้เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เราเข้าใจและรักษาความเป็นตัวของเราเอง รวมถึงสืบทอดความรู้และความเคลื่อนไหวของวัฒนธรรมไทยให้ต่อไป