เรืองไกรลีกิจวัฒนะ




นักการเมืองผู้เป็นที่รู้จักในแวดวงการเมืองไทย
ประวัติและบทบาท
เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เกิดวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2504 เป็นนักการเมืองและทนายความชาวไทย ปัจจุบันเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทย พรรคเพื่อไทย พรรคมัชฌิมาธิปไตย และอดีตสมาชิกวุฒิสภา
ในปี 2549 เรืองไกรได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกวุฒิสภาของไทยด้วยการสรรหา ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมาธิการสามัญการปกครองส่วนท้องถิ่น วุฒิสภา ก่อนจะลาออกจากตำแหน่งในปี 2552 เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในจังหวัดตรังในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2554 แต่ไม่ได้รับเลือก
เรืองไกรเป็นที่รู้จักในแวดวงการเมืองไทยในฐานะผู้ที่ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญและคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อตรวจสอบและวินิจฉัยกรณีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองและพรรคการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชันและการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมายเลือกตั้ง
ผลงานที่เป็นที่รู้จัก
* ในปี 2554 เรืองไกรยื่นคำร้องต่อ กกต. ให้ตรวจสอบคุณสมบัติของสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น กรณีถือหุ้นในบริษัทเอกชน ซึ่งเป็นเหตุให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้สมชายพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
* ในปี 2556 เรืองไกรยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ซึ่งเป็นเหตุให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวเป็นโมฆะ
* ในปี 2557 เรืองไกรยื่นคำร้องต่อ กกต. ให้ตรวจสอบคุณสมบัติของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น กรณีไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อ กกต. ซึ่งเป็นเหตุให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ยิ่งลักษณ์พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
* ในปี 2562 เรืองไกรยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยกรณีการแสดงบัญชีทรัพย์สินของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น กรณีครอบครองที่ดินของรัฐในจังหวัดระยอง ซึ่งเป็นเหตุให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินของรัฐ และให้กรมที่ดินเพิกถอนโฉนดที่ดินดังกล่าว
ความคิดเห็นและวิพากษ์วิจารณ์
เรืองไกรเป็นนักการเมืองที่มีความคิดเห็นและจุดยืนที่ชัดเจนในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน และการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมายเลือกตั้ง โดยการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญและ กกต. เพื่อตรวจสอบและวินิจฉัยกรณีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองและพรรคการเมือง ได้สร้างผลกระทบและความเปลี่ยนแปลงในทางการเมืองของไทยมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม เรืองไกรก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองว่าเป็น "มือปืน" ที่ถูกใช้โดยฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองเพื่อเล่นงานคู่แข่งทางการเมือง และการยื่นคำร้องของเรืองไกรบางกรณีก็มีเจตนาทางการเมืองมากกว่าที่จะเป็นการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันอย่างแท้จริง