ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราได้เห็นทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในพรีเมียร์ลีกพุ่งทะยานเหนือทีมอื่นๆ แต่ในเกมที่น่าตื่นเต้นนี้ เวสต์แฮมพร้อมที่จะท้าทายเจ้าแห่งนวัตกรรมอย่างแมนเชสเตอร์ซิตี
สนามกีฬาลอนดอนส่งเสียงกึกก้องไปด้วยเสียงเชียร์ของนักบุญ เมื่อเจ้าถิ่นวิ่งลงสู่สนามในชุดสีน้ำเงินและสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ของพวกเขา คู่แข่งของพวกเขาคือทีมสีฟ้าท้องทะเลที่มาพร้อมกับความกระหายชัยชนะและทักษะที่เหนือชั้นของพวกเขา
เกมนี้เริ่มต้นอย่างคึกคัก เมื่อเวสต์แฮมแสดงให้เห็นว่าพวกเขาจะไม่ยอมจำนนต่อแชมป์เก่าอย่างง่ายดาย พวกเขาครองบอลได้ดีและสร้างโอกาสได้หลายครั้ง แต่ความแม่นยำในการจบสกอร์ของพวกเขายังขาดหายไป
ในขณะเดียวกัน แมนซิตีใช้เวลาในการหาจังหวะของเกม แต่เมื่อพวกเขาทำได้ พวกเขาก็ดูเหลือร้ายอย่างไม่อาจหยุดยั้ง Kevin De Bruyne เป็นคนแรกที่ทำประตูหลังจากที่เขาส่งลูกครอสสุดอลังการให้ Bernardo Silva พุ่งเข้าโหม่งประตู
จากนั้นก็ถึงตาของ Erling Haaland กองหน้าร่างยักษ์ที่ดูเหมือนจะทำประตูได้ง่ายเหมือนหายใจ เขาได้ประตูที่สองของเกมโดยได้ประโยชน์จากการจ่ายบอลที่ยอดเยี่ยมของ Phil Foden
เวสต์แฮมปฏิเสธที่จะยอมแพ้และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อกลับเข้าสู่เกม แต่ชายของ Pep Guardiola แข็งแกร่งเกินไป ครึ่งหลังเป็นเรื่องราวแบบเดียวกัน แมนซิตีครองเกมได้และเพิ่มอีกประตูโดย Riyad Mahrez ก่อนสิ้นเสียงนกหวีด
เป็นชัยชนะที่ได้มาอย่างสมน้ำสมเนื้อสำหรับแมนซิตี พวกเขามีชั้นเชิงมากกว่า เวสต์แฮม และสมควรได้รับแต้มทั้ง 3 แต้ม แต่เราต้องไม่ลืมเจ้าภาพที่สู้จนถึงที่สุดและแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่มีความกลัวต่อทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ
เกมนี้เป็นเครื่องเตือนใจที่สำคัญว่าฟุตบอลเป็นเกมของอะไรก็เกิดขึ้นได้ ทีมใดก็สามารถเอาชนะทีมใดก็ได้ในวันใดก็ได้ และมักจะมีสิ่งที่น่าแปลกใจรอเราอยู่เสมอ
ดังนั้นเมื่อเสียงนกหวีดดังขึ้น การแข่งขันก็จบลง เวสต์แฮมพ่ายแพ้ให้กับแมนซิตี แต่พวกเขาสามารถเงยหน้าขึ้นสูงได้ พวกเขาแสดงให้ทั้งโลกเห็นว่าพวกเขามีทีมที่มุ่งมั่นและเต็มไปด้วยจิตใจ ซึ่งพร้อมที่จะท้าทายคู่แข่งคนใดก็ได้บนเวทีโลก