"โรคไข้นกแก้ว" โรคที่กระซิบว่าเลี้ยงนกต้องระวัง






โรคไข้นกแก้วคืออะไร

โรคไข้นกแก้ว หรือชื่อทางการว่า Psittacosis เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรีย *Chlamydophila psittaci* มักพบในนก เช่น นกแก้ว นกกระตั้ว นกมาคอว์ และนกนางแอ่น นกที่ติดเชื้ออาจแสดงอาการป่วยหรือไม่ก็ได้ หากไม่แสดงอาการ นกเหล่านี้ก็อาจเป็นพาหะแพร่เชื้อได้


อาการของโรคไข้นกแก้วในมนุษย์

มนุษย์สามารถติดเชื้อไข้นกแก้วจากการสัมผัสกับนกที่ติดเชื้อ โดยการสูดฝุ่นจากอุจจาระ ปัสสาวะ หรือน้ำมูกของนก อาการของโรคไข้นกแก้วในมนุษย์อาจแตกต่างกันไป โดยโดยทั่วไปจะแบ่งเป็น 2 ระยะ


ระยะแรก

มักเริ่มมีอาการหลังจากติดเชื้อประมาณ 10-14 วัน อาการในระยะแรกนี้ ได้แก่ ไข้ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ไอแห้ง


ระยะที่ 2

หากไม่ได้รับการรักษา อาการจะลุกลามไปที่ปอดและทำให้เกิดปอดอักเสบ ผู้ป่วยอาจมีอาการ ไอมีเสมหะ หนาวสั่น หายใจลำบาก แน่นหน้าอก อาจมีภาวะแทรกซ้อน เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ไตวาย ตับอักเสบ และหัวใจล้มเหลว


การรักษาโรคไข้นกแก้ว

โรคไข้นกแก้วสามารถรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ โดยทั่วไปแพทย์จะให้ยาประมาณ 10-14 วัน ผู้ป่วยควรพักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำมากๆ หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้อื่นจนกว่าจะหายดี


การป้องกันโรคไข้นกแก้ว

เพื่อป้องกันโรคไข้นกแก้ว ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับนกที่อาจติดเชื้อ หากต้องสัมผัสกับนก เช่น นกในร้านขายสัตว์เลี้ยง ควรสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือก่อนและหลังสัมผัสกับนก และหลีกเลี่ยงการหายใจเข้าใกล้บริเวณที่นกอยู่ หากมีนกเลี้ยงที่บ้าน ควรหมั่นทำความสะอาดกรงและอุปกรณ์ รวมถึงพานกไปตรวจสุขภาพเป็นประจำ