เมื่อพูดถึงไฟไหม้ เราคงสัมผัสได้ถึงความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน นับเป็นวิบากกรรมที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับตนเองและคนรอบข้าง ไฟไหม้บางโพเป็นหนี่งในความทรงจำที่ฝังลึกในใจของผู้คน ทั้งผู้ที่ประสบโดยตรงและผู้ที่รับรู้ข่าวดังกล่าว
ความสูญเสียที่คืนกลับมาไม่ได้วันที่ 19 เมษายน 2009 ไฟได้โหมกระหน่ำที่ชุมชนแออัดบางโพ แขวงบางโพ เขตบางโพ ซึ่งเป็นที่อาศัยของผู้อยู่อาศัยกว่า 2,000 ครัวเรือน เพลิงได้ลุกไหม้รุนแรงจนวอดวายไปถึง 113 ไร่ สร้างความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงทั้งชีวิตและทรัพย์สิน บ้านเรือนถูกเผาวอดวายไปกว่า 1,000 หลังคาเรือน ทำให้ผู้คนจำนวนมากไร้ที่อยู่อาศัยและทรัพย์สินติดตัว
แต่ความสูญเสียที่เจ็บปวดและยากจะเยียวยาที่สุดคือการสูญเสียชีวิต เหตุการณ์ไฟไหม้บางโพครั้งนี้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เป็นความสูญเสียที่ไม่มีอะไรสามารถชดเชยได้
วีรกรรมของนักดับเพลิงในความโชคร้ายยังมีความโชคดีแฝงอยู่ กล่าวคือ ไม่มีผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บจากเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเลยแม้แต่รายเดียว ทั้งๆ ที่ต้องเผชิญกับเปลวเพลิงรุนแรงและความเสี่ยงต่างๆ นานา นับเป็นวีรกรรมอันน่าสรรเสริญที่ควรค่าแก่การยกย่อง
นักดับเพลิงต้องใช้เวลากว่า 8 ชั่วโมงในการควบคุมและดับเพลิงให้สงบ พวกเขาต้องทำงานอย่างหนักและเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่น สมควรได้รับการยกย่องและขอบคุณอย่างสูง
บทเรียนที่ได้จากไฟไหม้บางโพหลังจากเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ในครั้งนั้น คนไทยได้ตระหนักถึงบทเรียนสำคัญหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องมาตรการป้องกันและการเตรียมตัวรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉิน
ไฟไหม้บางโพเป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่ก็เป็นบทเรียนอันล้ำค่าที่เตือนใจเราให้เตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินและให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ไฟอาจเผาผลาญบ้านเรือนและทรัพย์สิน แต่ไม่สามารถดับความหวังและความสามัคคีของเราได้
หากเราทุกคนตระหนักถึงบทเรียนจากไฟไหม้บางโพและร่วมมือกันป้องกันและเตรียมตัวรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉิน ก็เชื่อว่าเราจะสามารถลดความสูญเสียและสร้างสังคมที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นได้