ฉันจำวันนั้นได้ราวกับว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ฉันอายุเพียง 10 ขวบในวันเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่เยาวราชครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็น
มันเริ่มต้นจากร้านค้าเล็กๆ แห่งหนึ่งแล้วก็ลุกลามอย่างรวดเร็วไปทั่วตรอกซอกซอยของย่านที่คับคั่งที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ไฟได้เผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางทาง หอคอย โรงแรม และร้านค้าโบราณจำนวนมากกลายเป็นเถ้าถ่าน
ฉันได้ยินเสียงตะโกนและเสียงไซเรนขณะที่ฉันและครอบครัวเราวิ่งหนีเอาชีวิตรอด ฉันเห็นผู้คนที่วิ่งหนีพร้อมกับทรัพย์สินของพวกเขาบนมือ ความกลัวและความสิ้นหวังอยู่ในดวงตาของทุกคน
ไฟไหม้ได้นานกว่า 5 ชั่วโมง กว่าที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจะสามารถควบคุมได้ ท้องฟ้าเต็มไปด้วยควันสีดำที่ปกคลุมเมืองทั้งเมือง กลิ่นไหม้ตลบอบอวนไปทั่ว
เมื่อควันจางลง ความเสียหายก็ปรากฏชัดขึ้น ฉันเดินผ่านซากปรักหักพังและใจก็แตกสลายไปกับสิ่งที่ฉันเห็น ร้านค้าที่ฉันเคยไปช้อปปิ้งกับแม่ตอนเด็กๆ ตอนนี้กลายเป็นซากปรักหักพัง รถที่ฉันเคยเห็นจอดอยู่ข้างถนนตอนนี้ถูกไฟไหม้จนเหลือแต่เศษเหล็ก
แต่สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดคือการเห็นโบราณสถานอันล้ำค่าของเยาวราชถูกเผาทำลาย วัดเก่าแก่หลายแห่งที่มีเรื่องราวประวัติศาสตร์ยาวนานถูกไฟเผาจนวอดวาย
การเกิดเพลิงไหม้ครั้งนั้นได้กลายเป็นเหตุการณ์ที่ฝังอยู่ในความทรงจำของฉันตลอดไป เป็นเครื่องเตือนใจถึงความไม่แน่นอนของชีวิต และความสำคัญของการรักษาประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเรา
ฉันหวังว่าเราทุกคนจะจดจำเหตุการณ์นี้และนำบทเรียนจากมันไปใช้ในชีวิต ฉันเชื่อว่าด้วยความร่วมมือกัน เราสามารถป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมเช่นนี้อีกในอนาคต