All eyes on Rafah คืออะไร?




ราฟาห์ อาจจะเป็นชื่อที่ไม่คุ้นหูคนไทยเท่าไหร่ แต่ถ้าเล่าให้ฟังว่าเมืองนี้ ตั้งอยู่ที่ไหน ก็จะได้อ๋อกันหลายๆ คน เพราะเมืองราฟาห์เป็นเมืองในแถบตะวันออกกลาง ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน อยู่ห่างจากฉนวนกาซาเพียงแค่ 7 กิโลเมตรเท่านั้น

ความสำคัญของเมืองนี้ไม่ได้อยู่ที่วิหารเก่าแก่ หรือธรรมชาติที่สวยงาม แต่เป็นเรื่องของการค้า เพราะราฟาห์เป็นจุดผ่านแดนที่ใหญ่ที่สุดของฉนวนกาซาเลยก็ว่าได้ ซึ่งมีทั้งถนนสายหลัก และทางรถไฟเชื่อมต่อกับอียิปต์

เมืองนี้จึงเต็มไปด้วยความคึกคัก และเสียงแตรรถ แต่สิ่งเหล่านี้ก็เงียบหายลงไปในช่วงหลายปีมานี้ ตั้งแต่ที่มีการปิดด่านข้ามพรมแดนเข้าออกฉนวนกาซา เมื่อปี 2007 ทันทีที่ฮามาสเข้ายึดครองพื้นที่

การปิดเมืองในครั้งนั้นส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา ทั้งในด้านการค้า และการแพทย์ เพราะนับตั้งแต่นั้นมา ฉนวนกาซาแทบจะกลายเป็นเมืองที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกเลยก็ว่าได้ ประชาชนต้องเผชิญกับความยากลำบากหลายอย่าง ทั้งการว่างงานขาดรายได้ สินค้าขาดแคลน และการเดินทางที่ทำได้อย่างยากลำบาก

แต่วันนี้เมืองราฟาห์ก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เมื่ออียิปต์ตัดสินใจเปิดด่านข้ามแดนอีกครั้งเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปีที่ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาสามารถเดินทางออกนอกพื้นที่ได้อย่างถูกกฎหมาย ทำให้เกิดความหวังขึ้นมาอีกครั้ง

  • ตามรายงานของสหประชาชาติ ประชาชนกว่า 25,000 คน เดินทางข้ามพรมแดนราฟาห์ในช่วงเปิดด่านสัปดาห์แรก
  • พ่อค้าแม่ค้าต่างดีใจที่สินค้าต่างๆ จากอียิปต์จะสามารถเข้าสู่ฉนวนกาซาได้แล้ว ทำให้ราคาสินค้าลดลง และการค้าขายกลับมาคึกคักอีกครั้ง
  • ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาบางคนได้มีโอกาสเดินทางออกนอกพื้นที่เป็นครั้งแรกในชีวิต ทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนได้เป็นอิสระ

ความหวังที่เกิดขึ้นนี้มีมากน้อยแค่ไหน คงต้องรอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ แต่ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาต่างก็เฝ้าภาวนาให้ด่านข้ามแดนราฟาห์ ยังคงเปิดให้บริการอย่างต่อเนื่องต่อไป เพราะอย่างน้อยที่สุด ก็ทำให้พวกเขารู้สึกว่าไม่ถูกทอดทิ้ง และยังมีความหวัง